คลีนิคหมอดูสุขภาพจิต คลีนิคสุขภาพจิต
จิตเวช สระบุรี
สมชาย สำราญเวชพร จิตเวช สระบุรี
หมอดูสุขภาพจิต หนังสือสุขภาพจิต สมชาย สุขภาพจิต หมอดู สระบุรี ถามตอบสุขภาพจิต หมอสมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
ปัญหาสุขภาพจิต
สาระน่ารู สุขภาพจิต
โรคสมองเสื่อม (Dementia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การฆ่าตัวตาย (Suicide)
สุขภาพจิตน่ารู้
 
สั่งซื้อหนังสือ
หนังสือสุขภาพจิต
Head_4.jpg
เฉียดตาย

“ฮัลโหล นั่นแม่ใช่ไหม นี่รินพูดนะ”

“แม่เอง ลูกโทรมาจากไหน?”

“ตอนนี้รินอยู่กรุงเทพฯ รินโทรมาจากโรงแรม วันนี้เขาเลิกสัมนากันเร็ว รินก็เลยกลับห้องพักก่อน เดี๋ยวรินจะลงไปทานข้าวเย็น พรุ่งนี้รินค่อยกลับนะแม่”

“ไม่เป็นไร แม่อยู่กับหลานได้ หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“แม่ สามีรินกลับไปถึงบ้านหรือยัง?”

“อ๋อยัง เห็นลูกชายโทรไป พ่อเขาปิดมือถือ สงสัยกำลังขับรถอยู่”

“นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้ว ขับรถภาษาอะไร จากสระบุรีถึงโคราชก็ไม่เกินสองชั่วโมง เลิกงานบ่ายสอง ก็น่าจะถึงแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกที”

“อย่าไปว่าเขาเลย เดี๋ยวเขาก็กลับมานั่นแหละ เขาก็มาหาลูกเขาทุกเสาร์ไม่เคยขาดเลยนี่ เขาคงมีธุระละมั๊ง”

“แม่ มันชอบเถลไถล หาเศษหาเลย รินโทรไป มันก็ไม่เปิดเครื่อง เท่านี้นะแม่”

เธอบ่นหลังจากวางหูโทรศัพท์ “อะไรกัน เลวจริงๆ อย่าให้รู้นะว่าแวะไปหาใคร”

ทีวีที่เปิดทิ้งไว้ นักข่าวรายงานว่า “ราวครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนนสายมิตรภาพ ตรงบริเวณก่อนถึงลำตะคอง รถยนต์นิสสันทีน่า ทะเบียน ๕๕๖๗ กทม. สีบรอนซ์ทองขับตกถนน ซึ่งรถยนต์ยังค้างอยู่ที่ไหล่ทางลึก บริเวณตอนหน้ารถยนต์สภาพพังยับเยิน สงสัยจะชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางก่อนเสียหลักตกลงไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้ลงไปให้การช่วยเหลือ พบคนขับเสียชีวิตติดอยู่ในรถยนต์ เจ้าหน้าที่กำลังใช้รถเครนยกรถยนต์คันดังกล่าวขึ้นมา อีกสักครู่จะเสนอข่าวคืบหน้าต่อไป”

เธอดูทีวีจนได้รับข่าวสารที่สมบูรณ์ เธอตกใจมาก เธอหายใจหอบ ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาไหลพร่าออกมาและเริ่มต้นสะอึกสะอื้น เธอรำพัน “นี่รถสามีของฉันเอง เขาตายแล้วหรือ?” คราวนี้เธอร้องไห้ด้วยเสียงอันดังสลับกับเสียงสะอื้น “เขาตายแล้ว ไม่จริง หรือมันเป็นเรื่องจริง เขาตายแล้ว” เธอเอากำปั้นของเธอทุบลงตรงที่หน้าอกของเธอดังบึ๊กๆ อย่างไม่ยั้ง “อย่าพึ่งตาย อย่าเพิ่งตาย ฉันๆๆๆ โฮ ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้ว” เธอไถลตัวลงมานั่งคุดคู้ที่ข้างเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ทุกอย่างดูสับสนอลหม่าน “ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ ฉันไม่โทษคุณ ฉันผิด ฉันผิด” เธอยังคงร้องไห้ไม่หยุดคล้ายคนเสียสติ ลุกขึ้นเดินไปมา มือสั่น ตัวสั่น แล้วเธอก็กลับขึ้นมานั่งที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง “ฉันจะทำยังไงต่อไป ฉันจะโทรไปหาแม่ ไม่ๆ ยัง” เธอล้มตัวลงนอนที่เตียง นอนตัวงอ ทุกอย่างสงบลงชั่วคราว แต่น้ำตาของเธอยังคงไหลพร่าอยู่ตลอดจนเธอมองเห็นอะไรไม่ชัด

ที่หน้าประตูห้องพักของโรงแรม เสียงคนเคาะประตู “โป๊ก ๆ” มีเสียงรอดเข้ามา สองสามคน “รินๆ เธอเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” “เปิดประตูด้วยครับ” เสียงดังอยู่นานสองนาน สักพักก็มีเสียงไขกุญแจเข้ามา ทุกคนเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ พวกเขาต่างพากันเขย่าตัวและเรียกเธอ เธอลืมตาขึ้นมาดู แต่ก็มองเห็นไม่ถนัดเพราะน้ำตาที่เอ่อท่วมตา เธอได้ยินเสียงคล้ายเสียงหัวหน้าของเธอที่เป็นผู้ชาย และยังมีเสียงผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้จัก เธอยังได้ยินเสียงเพื่อนสาวของเธอ เธอลุกขึ้นแล้วเธอก็โผเข้ากอดเพื่อนสาวพร้อมๆ กับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ยั้ง

เธอระล่ำระลัก “สาย สามีของเราตายแล้ว เขาขับรถประสบอุบัติเหตุ”

สายเขย่าตัวเธอ “ทำใจดีๆ นะ เธอรู้ได้อย่างไร?”

รินตอบ “เราดูข่าวเมื่อกี้นี่เอง”

สายถาม ”อ้าว ก็เธอไม่ได้เปิดทีวีเลยนี่จ๊ะ”

รินตอบ “เราคงปิดมันไปแล้ว”

ทุกคนต่างเข้ามาปลอบเธออีก แต่เธอก็ยังดูสับสน น้ำตาไหลท่วมหัวไหล่ของเพื่อนสาวจนเปียกชุ่ม สักครู่ ทุกคนต่างหยุดนิ่งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น “แกร๊ง ๆ ๆ” โทรศัพท์ซึ่งวางที่โต๊ะรับแขกดังอยู่นานสองนาน แต่เธอกลับแสดงอาการไม่กล้ารับและขยับตัวหนี ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วหัวหน้าของเธอจึงไปรับโทรศัพท์แทน

“ฮัลโหล” เสียงในโทรศัพท์ตอบกลับมา “ขอสายรินด้วย”

คนรับตอบ “ตอนนี้เธอยังไม่ว่างรับสายครับ ผมเป็นเพื่อนร่วมงาน มีอะไรจะสั่งไว้ไหมครับ?”

เสียงในโทรศัพท์ตอบกลับมาอีก “บอกรินด้วยว่าสามีโทรมาครับ” แล้วสายก็ตัดทันที

เมื่อหัวหน้าวางโทรศัพท์ เขาเดินมาหาเธอและพูดกับเธอ “เมื่อกี้สามีของรินโทรมานะ เขายังไม่ตายนี่ แล้วเขาก็วางหูไปแล้ว คุณรินลองโทรกลับไปที่บ้านดีไหม?” เธอพยักหน้า เธอค่อยๆ หยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ที่โคราช แต่มันก็ช้ามากด้วยมือที่เปียกชุ่มและสั่นเทาไปหมด

“ฮัลโหล แม่หรือเปล่า?”

“ใช่ รินลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“สามีรินกลับถึงบ้านหรือยัง?”

“เพิ่งกลับจ๊ะ เขาอยู่ในห้องน้ำ จะพูดกับเขาไหม?”

“ไม่เป็นไรจ๊ะแม่ แล้วรถยนต์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ก็ไม่เป็นอะไรเลยนี่”

“แม่โกหกรินหรือเปล่า?”

“เปล่า ไม่มีใครเป็นอะไรจริงๆ”

เธอกดปุ่มหยุดการติดต่อ เธอยิ้มให้ทุกคน เธอถามทุกคน “รินเป็นอะไรไปคะ?”

ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกัน เหมือนนัดหมาย “รินคงฝันไปมั้ง”

รินยกมือไหว้ทุกคน “ขอบคุณค่ะ รินขออยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงรินนะ”

ทุกคนเข้ามาสัมผัสตัวเธอก่อนพากันกลับไป เธอนั่งลงตรงหน้ากระจก เธอมองใบหน้าตัวเองในกระจก “นี่หน้าตาของฉันแย่ขนาดนี้เลยเชียวหรือ? ฉันเป็นอะไรไปหรือ? ทำไมฉันจึงชอบฟึดฟัดเอากับสามีของตัวเอง ฉันทำตัวไม่ไหวจริงๆ เฮ้อ”

เธอหยิบปากกาและกระดาษโน๊ตของโรงแรมขึ้นมาเขียนข้อความเตือนใจ เธอเขียนมันว่า “ต่อไปนี้ ฉันจะทำตัวให้น่ารัก ฉันจะไม่หงุดหงิดกับเธอ และฉันจะรักเธอ นะจ๊ะ” เธอจบท้ายด้วยรูปหัวใจ เธอติดกระดาษโน๊ตแผ่นนี้ไว้หน้ากระจกในห้อง เธอยกมือขึ้นไหว้ “ขอบคุณสวรรค์ที่ยังให้โอกาสลูกได้ทำความดีในเวลาที่เหลืออยู่ ยกโทษให้ลูกด้วย”

เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งและหลับไป เธอได้ยินเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งหนึ่ง “ริน เปิดประตูด้วย” เธองัวเงีย ลุกขึ้นไปเปิดประตู เธอต้องตกใจ เมื่อเห็นสามีของเธอกับเพื่อนสาวยืนอยู่ตรงหน้าห้อง

เธอถาม “คุณมาได้ไง เมื่อกี้คุณยังอยู่ที่โคราชไม่ใช่หรือ?”

เขาตอบ “วันนี้วันเสาร์แล้วนะ นี่ก็เกือบเที่ยงแล้วด้วย คุณจะต้องกลับบ้าน โรงแรมเขาจะเช็คเอ้าท์แล้ว และคุณก็สั่งให้ผมมารับคุณกลับบ้านไม่ใช่หรือ?” เธอถามตัวเอง “ฉันนอนไปนานเท่าไรกัน?”

เธอเดินไปดูที่กระจกเงาหน้าเตียงนอน เธอไม่เห็นกระดาษข้อเตือนใจนั้นอีกแล้ว มันหายไปไหนกัน แต่เธอยังจำข้อความนั้นได้ดี เธอไม่กล้าถามใครๆ อีกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? อะไรคือความจริง? แต่เธอก็ยิ้มได้เพราะคราวนี้เธอได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนั่นเอง

ก่อนออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งพูดที่ข้างหูเธอว่า “ลูกอย่าลืมสัญญาล่ะ”

เธอพยายามมองหาคนพูดแต่ก็ไม่เห็นใคร เธอรีบจ้ำอ้าวตามสามีของเธอออกไป เธอคิดว่าคงไม่มีใครได้ยินพร้อมๆ กับเธอ

นี่มันอะไรกัน!

 
Copy All Right Reserved 2013 www.หมอดูสุขภาพจิต.com
เลขที่ 1/26 ถ.สุดบรรทัด13 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18120