คลีนิคหมอดูสุขภาพจิต คลีนิคสุขภาพจิต
จิตเวช สระบุรี
สมชาย สำราญเวชพร จิตเวช สระบุรี
หมอดูสุขภาพจิต หนังสือสุขภาพจิต สมชาย สุขภาพจิต หมอดู สระบุรี ถามตอบสุขภาพจิต หมอสมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
ปัญหาสุขภาพจิต
สาระน่ารู สุขภาพจิต
โรคสมองเสื่อม (Dementia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การฆ่าตัวตาย (Suicide)
สุขภาพจิตน่ารู้
 
สั่งซื้อหนังสือ
หนังสือสุขภาพจิต
Head_6.jpg
นุ่มนวลแต่เด็ดขาด

ดิฉันเพิ่งเข้าใจถึงความหมายของคำว่า “เด็ดขาด” ก็ตอนที่ถูกชายหนุ่มคนล่าสุดทิ้งนี่เอง เพิ่งรู้ว่าความเด็ดขาดแบบนุ่มนวลมันมีความหมายลึกซึ้งเพียงใด เพราะความเด็ดขาดมันไม่ใช่ความดุดันอย่างที่เคยเข้าใจ ดิฉันอยากจะบอกว่าดิฉันเสียดายที่ต้องสูญเสียคนดีๆ เช่นเขาไปแล้ว อย่างไรก็ตามในความโชคร้ายนี้ก็ยังมีสิ่งดีๆ อยู่ อย่างเช่นดิฉันมีความเข้าใจต่อตนเองมากขึ้น ดิฉันรู้แล้วว่าดิฉันจะเลือกคนดีๆ แบบไหน และไม่ควรทิ้งโอกาสที่มีค่านั้นไปเสีย เพราะโอกาสดีๆ มีได้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นดิฉันจึงต้องเด็ดขาดต่อการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของชีวิตดิฉันเอง

เขาเป็นคนสุภาพ พูดน้อย พูดครั้งหนึ่งแล้วก็มักไม่พูดซ้ำอีก เขาบอกว่าหากนัดกับเขาว่าจะไปพบกันที่ไหนเมื่อไร ถึงนัดข้ามปีก็เถอะ เขาก็จะทำตามสัญญา พูดเพียงครั้งเดียวก็เป็นคำมั่นสัญญาได้แล้ว เขายังยิ้มง่าย ไม่ค่อยได้โกรธใครๆ ดิฉันเคยถามหาถึงต่อมโกรธของเขา เขาบอกว่าของเขาไม่มี ดิฉันยังเห็นว่าเขาสามารถปกครองลูกน้องจำนวนมากในบริษัทฯ ของเขาได้ หากแต่เขากลับบ่นเสมอๆ ว่า เขาดูแลลูกน้องได้ไม่ดีนัก เขาไม่เข้มงวดกับลูกน้อง อะไรที่ให้ได้ เขาก็ให้ หย่อนยานไปบ้าง แต่ก็อยากให้ทุกๆ คนทำงานกันอย่างมีความสุข เขาไม่ค่อยได้ตำหนิใคร แต่ครั้นลูกน้องคนไหนกระทำความผิดถึงขั้นรุนแรง สิ่งที่ได้รับก็คือเขาให้ออกจากงานทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ และก็ไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองเสียด้วย พูดให้ออกแบบนุ่มๆ นี่เอง ดิฉันคิดว่าเขาน่าจะหมั่นตักเตือนลูกน้องให้ทำถูกต้องอยู่บ่อยๆ เหมือนคอยชี้ทางตลอดว่าทางซ้ายมีอะไร ให้ระมัดระวัง หรือทางขวามีอะไร ข้างหน้ามีอะไร แต่เขากลับให้เหตุผลว่าทุกคนต่างก็โตๆ กันแล้ว ย่อมรู้ว่าอะไรดีไม่ดี และรู้ถึงกฏเกณฑ์ของบริษัทฯ เป็นอย่างดีทุกคน ดังนั้นถ้าทำกระผิดขั้นรุนแรงก็ต้องให้ออก เขาบอกว่าบางทีเขาอาจปล่อยปละละเลยกระทั่งลูกน้องบางคนเหลิงได้ใจ คิดว่าทำได้ เมื่อกระทำความผิดต่อบริษัทฯ ที่รุนแรงมากขึ้น จึงรู้ว่าเขาเอาจริงด้วยการให้ออกเลย นี่แหละคือนิสัยของเขา

ดิฉันรู้จักกับเขาก็ตอนที่ดิฉันมีแฟนอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็รู้ว่าเขาแอบสนใจดิฉันอยู่บ้าง บางครั้งเขาก็ยอมไปส่งดิฉันกับแฟนเมื่อแฟนดิฉันมารับดิฉันถึงบริษัทฯ เขาเสียสละเพื่อดิฉันโดยไม่หวังอะไรจากดิฉัน ดิฉันเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขา ดิฉันจึงมีโอกาสใกล้ชิดและทิ้งเสน่ห์ให้เขาไม่ใช่น้อย ดิฉันคิดในใจว่าดิฉันอยากได้เขามาเป็นกิ๊กเพิ่มอีกคน แต่ไม่นาน ดิฉันก็เริ่มค้นพบว่าเขามีดีกว่าแฟนของดิฉันมาก ถ้าดิฉันจะร่วมชีวิตกับแฟนคนปัจจุบันนี้ ก็คงไปไม่รอด ต้องอดมื้อกินมื้ออย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเขา ดิฉันก็คงจะสุขสบาย อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ได้มองไปที่ความร่ำรวยของเขา แต่นิสัยของเขาดีจริงๆ แล้วนี่ดิฉันจะทำอย่างไรดี?

ก็แฟนของดิฉันเขาไม่ได้กระทำความผิดใดๆ เลยนี่นา ดิฉันรู้สึกผิด แต่ก็มีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ชิดเขา ดิฉันไม่ได้เล่าเรื่องราวของเขาให้แฟนของดิฉันฟัง แต่กลับบอกเล่าเรื่องราวของแฟนดิฉันให้เขาฟัง ก็ให้เขาอิจฉาเล่นๆ เสียอย่างนั้น ดิฉันเริ่มกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมมากขึ้น ด้วยดิฉันชอบชักชวนให้เขาพาไปโน่นไปนี่ หรืออย่างน้อยก็ให้เขาไปส่งถึงที่บ้านทุกๆ วันหลังเลิกงาน นัยว่าเป็นการประหยัดสตางค์ค่าเดินทาง เขาก็เต็มใจเสมอ เขาเริ่มแคร์ดิฉันมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้ววันแห่งอวสานของดิฉันก็มาถึง เมื่อนึกดิฉันอยากเที่ยวสถานที่ดื่มเต้นกลางคืน แต่ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบ เขาแพ้ควันบุหรี่และไม่ดื่มสิ่งมึนเมา ดิฉันนัดหญิงสาวเพื่อนสนิทไปด้วยอีกหนึ่งคน และกะว่าจะได้ดื่มสุราดีๆ แบบที่ไม่ต้องจ่ายเงินเอง เขาอาสาขับรถยนต์ไปรับดิฉันถึงที่บ้านก่อนจะแวะไปรับเพื่อนดิฉันที่หอพัก เราจะไปเที่ยวกันที่พับในเมืองซึ่งไกลจากบ้านของดิฉัน จึงตกลงกันว่าเมื่อเลิกเที่ยวเตร่ยามราตรีแล้ว ดิฉันจะไปนอนกับเพื่อนโดยจะให้เขาไปส่งถึงหอพัก

เขารู้ถึงหมายกำหนดการดี เขาพูดกับดิฉันในระหว่างทางที่เขากำลังขับรถยนต์เพื่อไปรับเพื่อนของดิฉัน เขาบอกว่าเขาชอบเป็นผู้ให้และไม่ชอบเรียกร้องอะไรจากใคร เขาเต็มใจที่จะพาดิฉันกับเพื่อนของดิฉันไปเที่ยว ดิฉันรู้สึกละอายใจอยู่บ้างเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาอย่างมีนัย แต่เพราะดิฉันอยู่ตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง ดิฉันชอบเรียกร้องมากกว่าการให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสุขของดิฉันต้องมาก่อนใคร ดิฉันรู้ว่าเมื่อเขาไปเที่ยวกับดิฉัน เขาคงไม่มีความสุข หากแต่ดิฉันมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้วใช่ไหม?

เขาถามดิฉันว่าชวนเขาไปเที่ยวในฐานะอะไรกันหรือ? ดิฉันก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะดิฉันหวังแทงกั๊กเอาไว้ก่อน แต่ดิฉันก็ยังพูดถึงแฟนของดิฉันให้เขาฟังต่อไป เขาทำหน้าเศร้าสร้อย เขาบอกว่าคืนนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ เขาไม่ต้องการให้ใครเลิกกัน เขาคงต้องตัดสินใจแล้ว และเขาจะเป็นฝ่ายไปเอง เพราะเขาไม่รู้จะยืนตรงจุดไหนดี ดิฉันฟังแล้วก็ให้หงุดหงิดใจ ดิฉันคิดในใจว่าเป็นกิ๊กก็ดีแล้วนี่ เมื่อเขาพาดิฉันกับเพื่อนไปเที่ยวจนใกล้ถึงเวลาที่พับจะปิด เขาบอกว่าเขาไม่ชอบขับรถยนต์กลับบ้านดึกๆ แต่เพียงลำพังคนเดียว ซึ่งดิฉันก็รู้ดี เพราะเขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัยและเป็นกังวลทุกครั้งที่ต้องขับรถยนต์ในเวลากลางคืนคนเดียว เขาขอร้องดิฉันเป็นครั้งแรก เขาขอให้ดิฉันนั่งรถไปเป็นเพื่อนและไปนอนที่บ้านของเขาก็ได้ เขาอยู่คนเดียว ดิฉันก็ปฏิเสธเขา เขาขอร้องดิฉันอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้รับคำปฏิเสธจากดิฉันอีก ดิฉันรู้ว่าถ้าดิฉันไปนอนที่บ้านของเขา เขาก็คงไม่ทำอะไรดิฉันอย่างแน่นอน ขืนถ้าทำอะไรลงไป พอดิฉันแสดงอาการไม่พอใจขึ้นมา เขาก็คงไม่กล้า แต่ยังไงล่ะ ก็ดิฉันยังไม่อยากตัดสินใจใดๆ ด้วยความเห็นแก่ตัวนี่เอง เมื่อเขาขับรถยนต์มาส่งดิฉันกับเพื่อนที่หอพักแล้ว เขาก็ขับกลับไป ตอนนั้นดิฉันเริ่มสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ก็ตอนที่เขาเลี้ยวรถยนต์กลับแล้วขับผ่านหน้าดิฉันไป เขาบึ่งรถยนต์ไปด้วยความเร็วโดยไม่ได้ชะลอรถยนต์เพื่อทักทายเหมือนทุกครั้ง

วันรุ่งขึ้น เมื่อดิฉันพบเขาที่บริษัทฯ เขาเปลี่ยนท่าทีกับดิฉันไปมาก เขาอยู่ห่างจากดิฉันไปแล้ว ดิฉันรู้ว่าเขาไม่เหมือนก่อน ต่างไปจากเมื่อวันวาน ดิฉันถามเขา เขาก็ยิ้มให้ เขาบอกว่าเขาให้ดิฉันตัดสินใจแล้วนี่.. วันทั้งวัน ดิฉันรู้สึกได้ถึงการสูญเสีย หดหู่และห่อเหี่ยว แต่ก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ เมื่อดิฉันเลิกงานและเดินทางกลับถึงบ้านด้วยรถเมล์ ดิฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนเด็ดขาดนี่เอง ดิฉันเสียโอกาสที่ดีไปแล้วด้วยความไม่เด็ดขาดของดิฉันเอง ดิฉันร้องไห้ทั้งคืนและให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่า พรุ่งนี้ดิฉันจะเปลี่ยนเป็นคนที่เข้มแข็งเสียที และจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น

football news

 
Copy All Right Reserved 2013 www.หมอดูสุขภาพจิต.com
เลขที่ 1/26 ถ.สุดบรรทัด13 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18120