คลีนิคหมอดูสุขภาพจิต คลีนิคสุขภาพจิต
จิตเวช สระบุรี
สมชาย สำราญเวชพร จิตเวช สระบุรี
หมอดูสุขภาพจิต หนังสือสุขภาพจิต สมชาย สุขภาพจิต หมอดู สระบุรี ถามตอบสุขภาพจิต หมอสมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
ปัญหาสุขภาพจิต
สาระน่ารู สุขภาพจิต
โรคสมองเสื่อม (Dementia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การฆ่าตัวตาย (Suicide)
สุขภาพจิตน่ารู้
 
สั่งซื้อหนังสือ
หนังสือสุขภาพจิต
Head.jpg
ฝันหรือความจริง

นี่คือจดหมายฉบับสุดท้ายของน้องชายของผมก่อนที่ครอบครัวของเราจะสูญเสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับคืน เขาผูกคอตายที่ใต้ต้นมะพร้าวในบ้านร้างหลังหนึ่งริมหาดชะอำ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้ว ตั้งแต่ชะอำยังไม่ถูกเปิดตัวเหมือนทุกวันนี้

สมพลคือน้องชายคนเดียวของผม เรามีกันอยู่แค่สองคน เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด พ่อกับแม่เป็นนักธุรกิจและมีสำนักงานของบริษัทฯ อยู่ในเขตธุรกิจแถวสีลม ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าครอบครัวของเราพอมีอันจะกินทีเดียว แต่บางคนอาจเรียกเราว่าพวกไฮโซ ตัวผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่สมพลเรียนเก่งมาก เขาได้ไปเรียนต่อปริญญาโทฯ ที่อเมริกาโดยอาศัยอยู่กับอาที่นั่น สมพลหน้าตาดี บุคลิกภาพดี สุภาพอ่อนน้อม หากแต่เขาไม่เคยคิดถึงสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากการเรียนเท่านั้น

หลังจากสมพลสำเร็จการศึกษาและกลับเมืองไทย ครอบครัวของเราก็มีความสุขมาก สมพลต้องกลับมาช่วยงานที่บริษัทฯ ซึ่งตอนนั้นผมก็ทำงานอยู่ที่นั่นแล้ว แต่เขาขอเวลาพ่อและแม่ 3 เดือนเพื่อพักผ่อนหลังเรียนจบ เขาใช้เวลาท่องเที่ยวตามลำพัง เขาชื่นชอบทะเล และมักเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวของเราที่ชายหาดชะอำ คืนหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวที่เขาถูกใจเข้าโดยบังเอิญ ด้วยคืนนั้นเขาขับรถยนต์ไปตามถนนรอบชายหาด และได้หยุดจอดรถยนต์ตรงใต้โคนต้นมะพร้าว ตอนนั้นราว 2 ทุ่มกว่า เขาลงจากรถยนต์เพื่อจะเดินตรงไปยังชายหาด แต่แล้วเมื่อเขามองกลับขึ้นไปที่รถยนต์ เขาก็พบว่ารถยนต์ของเขาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ปลูกคล้ายบังกะโล โดยมีถนนลูกรังเส้นเล็กๆ เชื่อมต่อระหว่างถนนที่เขาจอดรถยนต์อยู่กับตัวบ้าน ยาวราว 40 เมตร

ในบ้านเปิดไฟสว่างไสว สามารถมองเห็นคนในบ้านผ่านกระจกใสๆ ของหน้าต่างได้แต่ไกล เขาจึงตัดสินใจหยุดยืนดูบ้านหลังนั้นอยู่พักใหญ่ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย ผิวขาว รูปร่างสูงเพรียว ได้สัดส่วน อยู่ในชุดนอนสีครีมบางๆ เธอเดินออกมาจากบ้านและกำลังเดินมาตามถนนลูกรัง ตรงมายังที่ที่เขายืนอยู่ ในที่สุดเธอได้เดินมาหาเขา เธอเชื้อเชิญเขาให้เข้าไปในบ้าน เขาตอบตกลงทันทีที่หยุดตะลึงในความงามของเธอ และเดินตามเธอเข้าไปอย่างง่ายดาย

เขาได้พบกับหญิงแม่บ้านวัยกลางคนที่หน้าตาดูจะไม่เป็นมิตรอีกหนึ่งคน อายุคงราว 40 กว่าๆ สำหรับเธอ ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูของบ้านหลังนี้ อายุของเธอน่าจะเกิน 20 มาหน่อยๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสุนัขฝรั่งตัวใหญ่ที่เชื่องสำหรับเธอ แต่ดุสำหรับเขาอีกหนึ่งตัว เธอนำอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงเขา ทุกอย่างช่างเอร็ดอร่อยเหลือเกิน เธออยากให้เขาพักอยู่ที่นี่ เขาจึงตอบตกลงและให้แม่บ้านไปนำเสื้อผ้าในรถยนต์เข้ามาด้วย

เธอชักชวนเขานอนเตียงเดียวกัน แต่แม่บ้านกลับทำตาเขียวปั๊ดใส่เขาอย่างไม่พอใจ แต่ที่สุดก็ไม่กล้าขัดใจเธอ เมื่อเธอพูดอะไรออกมา แม่บ้านจะเชื่อฟังทุกๆ อย่างอย่างภักดี สำหรับสุนัขตัวนี้ก็อยู่คลอเคลียไม่ห่าง และแสดงอาการไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เจ้านายของมัน เขาถามเธอด้วยความสงสัยว่าอยู่กันได้อย่างไร? แต่ก็ได้คำตอบที่คลุมเครือ เขาตัดสินใจไม่กลับบ้านและจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่เขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอนำเงินมาจากไหนกันในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ก็อยู่แต่ในบ้านและปรนเปรอความสุขให้แก่เขาอย่างไม่ขาด

ส่วนเขาแม้กำลังวังชาอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ แต่ก็อิดโรยไปบ้าง อย่างไรก็ดีมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาหนักใจก็คือ คุณหนูที่เขารักก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้ตลอดเวลา เมื่อวันนั้นเกิดปากเสียงกันขึ้นระหว่างคุณหนูกับแม่บ้านในเรื่องของเขา แม่บ้านไม่อยากให้เขาอยู่ด้วย แต่เธอต้องการ เมื่อเธอเดินคล้อยหลังไปภายหลังจากการโต้เถียงที่รุนแรง ก็มีแต่เขาที่ถูกทิ้งไว้กับแม่บ้านและสุนัขตัวโข่งตามลำพังในห้อง แม่บ้านได้หยิบค้อนเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นมาฟาดเข้าที่ศีรษะของเขาอย่างแรง และยังมีสุนัขที่อารมณ์เสียเข้ามากัดที่ขาของเขาอีก จนเขาหมดสติไป

เขาตื่นขึ้นมาในห้อง ICU ของ รพ.เพชรบุรี เขาตั้งคำถามกับผม “พี่ครับ ผมสลบไปนานแค่ไหน?” ผมตอบเขา “ก็นานเกือบเดือนหนึ่งแนะ” เขาได้เล่าให้ผมฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะสลบ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงไปได้ เมื่อผมเห็นว่าเขายังสามารถครองสติสัมปชัญญะได้ดีพอสมควร ผมจึงพร้อมที่จะโต้เถียงกับเขา “สมพลฟังพี่นะ นายนะขับรถยนต์ไปชนต้นมะพร้าวเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ไม่ใช่ถูกค้อนเหล็กทุบ รถยนต์ที่พังยับเยินของนายก็ยังอยู่ที่โรงพัก ถ้าไม่เชื่อ วันหลังพี่จะพาไปดู” เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่ผมไม่รับฟังเขา ผมบอกเขาว่าเรื่องที่เขาเล่าเป็นเรื่องเหลวไหล อาจเป็นเพราะสมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ แต่เขาก็เถียงคอเป็นเอ็นจนเกือบจะทะเลาะวิวาทกัน ไม่นานเมื่อเขาออกจาก ร.พ. เขาจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู เขาพูดถึงแต่เรื่องที่เขาอยากกลับไปหาคนรัก แต่เมื่อพ่อและแม่ขอร้องเขาด้วยน้ำตา เขาจึงยอม นับวันร่างกายของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หากแต่อารมณ์ของเขากลับหงุดหงิดฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และแล้วไม่นาน เขาก็เริ่มแยกตัวเอง ไม่ยอมลงมาสมาคมกับคนในครอบครัว แล้วก็เศร้าตามมา ผมพาเขาไปพบจิตแพทย์ แต่ยาก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้

อยู่มาวันหนึ่ง เขาขอเวลาพูดคุยส่วนตัว “พี่ครับ เธอมาหาผมเมื่อคืนที่แล้ว เธอบอกให้ผมรีบตัดสินใจโดยด่วน เธอไล่แม่บ้านออกไปแล้ว รวมถึงสุนัขตัวนั้นด้วย ผมอยากไปหาเธอสักครั้งหนึ่ง” ผมปฏิเสธ “สมพล ลืมเรื่องนั้นไปได้แล้วนะ มันไม่ใช่เรื่องจริง พี่ขอร้อง” เขาร้องไห้ ผมหยิบยาให้เขากินเพื่อให้เขาหลับ เขาเดินเข้าห้องของเขา ผมจึงโทรไปรายงานพ่อและแม่

ในวันนั้นเอง เราได้สูญเสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาหนีออกจากบ้านทางหน้าต่างและนั่งรถแท๊กซี่ไปที่ชะอำ เขาทำลายตัวเองที่นั่น เขาเขียนโน้ตข้อความใส่ในซองจดหมายเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อมีใจความว่า เธอบอกเขาว่าทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันได้ก็คือเขาต้องฆ่าตัวตายตรงที่เธอเคยถูกฆ่าตายมาก่อน เขารู้ว่าเธอเป็นวิญญาณ แต่เขาเชื่อว่าถ้าเขาฆ่าตัวตายตรงนั้น เขาจะได้ครองรักกับเธอสมใจ เขารักเธอมาก แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รักพ่อแม่หรือผม เขาเสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ เขาขอโทษทุกๆ คน

ผมเองก็เสียใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดเดียว

 
Copy All Right Reserved 2013 www.หมอดูสุขภาพจิต.com
เลขที่ 1/26 ถ.สุดบรรทัด13 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18120