คลีนิคหมอดูสุขภาพจิต คลีนิคสุขภาพจิต
จิตเวช สระบุรี
สมชาย สำราญเวชพร จิตเวช สระบุรี
หมอดูสุขภาพจิต หนังสือสุขภาพจิต สมชาย สุขภาพจิต หมอดู สระบุรี ถามตอบสุขภาพจิต หมอสมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
ปัญหาสุขภาพจิต
สาระน่ารู สุขภาพจิต
โรคสมองเสื่อม (Dementia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การฆ่าตัวตาย (Suicide)
สุขภาพจิตน่ารู้
 
สั่งซื้อหนังสือ
หนังสือสุขภาพจิต
Head_11.jpg
วันพิพากษา

บทบัญญัติแห่งกฏหมายในแต่ละมาตรา ล้วนถูกตราขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทางสังคม แต่อย่างว่าแหละ ข้อกฏหมายทั้งหลายที่เป็นตัวหนังสือล้วนขาดความยืดหยุ่น จึงใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ในทุกกรณี หรือเรียกว่าช่องโหว่ของกฏหมายนั่นเอง ที่คนเรามักหาช่องทางละเว้นกันเป็นประจำ ดังที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไป มันทำให้ผมต้องสลดหดหู่ใจอย่างมากครั้งหนึ่ง

“นายแพทย์สมชาย ที่ 1402” เสียงโฟนตามสายดังก้องโรงพยาบาล ผมรีบโทรขึ้นไปก่อนจะเดินขึ้นตึกไปดูผู้ป่วยที่เจ้าหน้าที่ตึกตามผมให้ขึ้นไปดู ตามที่แพทย์เจ้าของได้เขียนใบปรึกษามา เธอเป็นผู้ป่วยรับใหม่ของตึกอายุรกรรม ผมเปิดแฟ้มประวัติการรักษาของเธอออกดู เธอมานอนโรงพยาบาลเพราะความพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่สามีได้นำส่ง ร.พ. ทันที เมื่อเธอถูกล้างท้องที่ห้องฉุกเฉินแล้ว เธอจึงถูกนำตัวส่งขึ้นมาที่ตึกผู้ป่วยรับนอน

วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการนอนอยู่ใน ร.พ. เธอเริ่มรับประทานอาหารอ่อนได้บ้างแล้ว และยังสามารถพูดคุยกับผมได้ด้วย เธอมีอายุเพียง 18 ปีกว่าๆ เท่านั้นเอง แต่เธอมีครอบครัวแล้ว เธอบอกผมว่าเธอแต่งงานมา 5 ปีแล้ว นี่ก็แสดงว่าเธอแต่งงานตอนอายุ 13 ปีนี่เอง เธอตอบว่าใช่ พร้อมๆ กับผงกศีรษะ เธอไม่ได้อยู่ในอาการร้องไห้ แต่เธอยังดูเศร้า เธอไม่อยากจะพูดคุยกับผมเท่าใด แต่ด้วยการแสดงออกของผมถึงความต้องการในการให้ความช่วยเหลือเธอ เธอจึงยอมพูดคุยกับผมอย่างชนิดหมดเปลือก

ก็เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือนี่เอง เธอบอกว่าสามีของเธอทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และกำลังเรียนต่อปริญญาโทฯ ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนเธอก็เรียนอยู่ ปวช.ปี 3 และใกล้จะสอบปลายภาคแล้วด้วย นั่นหมายถึงการจบการศึกษาที่เธอรอคอย ทั้งสองยังไม่มีลูกด้วยกัน และก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เธอจึงยังมีคำนำหน้าว่า น.ส. อยู่นั่นเอง

เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นเธอมีอายุได้ 13 ปี เธออาศัยอยู่กับยายอายุ 50 กว่าและน้องชายอายุ 7 ขวบ ที่อาศัยเป็นบ้านไม้ผุๆ เก่าคร่ำคร่า อยู่ในที่ของวัด จัดว่ามีฐานะยากจนในหมู่บ้าน สำหรับพ่อและแม่ของเธอก็หายสาบสูญไปนานมากแล้ว จึงไม่มีใครมารับผิดชอบเว้นเสียแต่ยายที่รับจ้างทำทุกๆ อย่าง ตั้งแต่ดายหญ้า ขนของ ตัดอ้อย กระทั่งเก็บยอดผักบุ้งขาย เป็นต้น อนิจจัง เมื่อวันหนึ่งเธอมารู้จักกับสามีของเธอที่มีอายุ 22 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่นานจึงได้เสียกัน

มันเป็นข่าวครึกโครมมากสำหรับหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านมาเป็นคนไกล่เกลี่ย เนื่องด้วยโทษทางอาญาถึงกับติดคุกเสียอนาคต ยอมความไม่ได้ ก็จะเอาอะไรอีกเล่าสำหรับคนจนๆ ทางออกจึงเป็นว่าฝ่ายชายต้องรับเลี้ยงดูเด็กหญิงในฐานะภรรยา และให้เงินยายเป็นค่าสินสอดจำนวนหนึ่งเท่านั้น เท่านี้เธอก็ได้มาอาศัยอยู่กับบ้านฝ่ายชายที่มีฐานะดีกว่า เธอต้องช่วยเหลืองานบ้าน และเธอยังได้รับการอุปการะให้เรียนหนังสือต่ออีกด้วย ทั้งนี้เพราะฝ่ายชายได้รับปากไว้กับผู้ใหญ่บ้าน และเกรงว่าจะเป็นที่เสื่อมเสียเกียรติภูมิ

เมื่อสามีเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรม เขาได้ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งในตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง ในขณะที่ภรรยายังเป็นเด็กหญิงกะโปโล จึงเสมือนกับผู้ใหญ่ปกครองเด็กเรื่อยมา กระทั่งเรื่องราวผ่านมาอีก 4 ถึง 5 ปี ปัจจุบันนี้ เธอมีอายุ 18 ปีกว่า ส่วนสามี มีอายุ 27 ปี ปัญหาที่อยู่ใต้น้ำของภูเขาน้ำแข็งที่ลอยน้ำจึงเกิดขึ้น ทุกอย่างถาโถมมาที่เธอ ด้วยสามีของเธอเริ่มแสดงออกถึงอาการรังเกียจเธออย่างชัดเจน เขาติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งทางโทรศัพท์อยู่เป็นประจำ บางทีก็ไม่กลับบ้าน

เมื่อเธอเข้าไปถามเขา เขาก็ผรุสวาทว่า “เรื่องของกู กูกำลังจะเอาเมียใหม่ รู้ไหม?” หรือ “กูจะไปนอนกับเมียกู มึงจะทำไม?” การทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงมือจึงเกิดขึ้นเนืองๆ เมื่อเธอเข้าไปจุ้นจ้านเขา เธอสงสัยว่าเธออยู่ในฐานะอะไรกันหรือ? เป็นแค่ขี้ข้างั้นหรือ? หรือคนรองรับอารมณ์ทางเพศ? เธอรู้ว่าในบ้านหลังนี้ยังมีแม่สามีและน้องสาวสามีอีกหนึ่งคน แต่คนทั้งสองคงหวังพึ่งไม่ได้ เพราะทุกคนคงเกลียดชังเธอมานาน

ผมถามเธอ “ตอนนี้คุณรู้สึกเจ็บปวดร่างกายตรงไหนบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”เธอตอบผม “ไม่เจ็บคอแล้วค่ะ แต่หนูไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพราะตอนนี้เขาไล่หนูออกจากบ้านแล้ว เขาโยนกระเป๋าให้ใบหนึ่งและบอกให้หนูออกจากบ้านไป ทุกคนในบ้านเขาขับไล่หนู” เธอมองหน้าผมด้วยแววตาแห่งความว้าวุ่น วิตกกังวล ผมจึงพยายามมองเธอด้วยความสงบเยือกเย็น เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอควรทำใจเย็นๆ ผมถามเธอ “ทำไมเขาจึงขับไล่คุณล่ะ” เธอตอบแบบซื่อๆ “หนูไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าหนูขี้หึงเขาเกินไป หนูไปยุ่งกับแฟนเขา” ผมอดแสดงความสงสัยไม่ได้ “อ้าว แล้วคุณไม่ใช่ภรรยาของเขางั้นหรือ?” เธอส่ายศีรษะ “ไม่รู้ เขาบอกว่าเขาอดทนกับหนูมานาน เขาจะมีภรรยาใหม่เสียที” คราวนี้ผมพูดเดาออกมา “คุณก็เลยฆ่าตัวตาย” เธอยอมรับ “ค่ะ หนูไม่มีทางออก ถ้าหนูออกจากบ้านแล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหน หนูออกจากบ้านยายมานานแล้ว และก็ไม่มีญาติที่ไหนอีก” ผมถามเธอต่อ “แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป” เธอถอนหายใจก่อนจะขอร้องผม “คุณหมอให้หนูกลับบ้านนะคะ หนูอยากกลับไปขอร้องเขา ไปแก้ตัวใหม่ ถึงเขาจะมีอีกคนหนึ่งหนูก็ไม่ว่า แต่อยากให้เขาสงสารหนู หนูจะไปกราบเท้าเขา” เมื่อเธอพูดจบ ผมจึงเข้าใจได้ถึงความต้องการที่เธออยากให้ผมช่วยเหลือ

เธอต้องการออกจากโรงพยาบาลนี้ไปโดยเร็ว โถ เธอพูดออกมาอย่างยอมรับได้ในความต่ำต้อยของเธอเอง ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนเธอยิ่งนัก ช่างน่าสงสารจริง ทำไมผมจะช่วยเธอไม่ได้ล่ะ เมื่อการต่อรองเกิดขึ้น แพทย์เจ้าของเธอซึ่งเป็นอายุรแพทย์ยังไม่อยากให้เธอกลับ ผมเองก็ยังไม่อยากให้เธอกลับเช่นกัน แต่เมื่อเธอยืนยันเช่นนี้ มิฉะนั้นเธอจะหนี ผมจึงอนุญาตโดยให้ระบุไปว่าเธอไม่สมัครใจจะอยู่รักษาต่อ ไม่มีใครมารับตัวเธอกลับ เธอกลับไปด้วยความมุ่งมั่นว่าเขาคงให้อภัยเธอในความก้าวร้าวของเธอ และถ้าเธอยอมรับผิดเสีย วิงวอนเขา ก้มกราบแทบเท้าเขา เขาจะต้องยอมรับเธอกลับอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของเธอเพียงคนเดียว เธอคิดว่าสามียังคงรักเธออยู่เช่นเดิม ผมก็ได้แต่นึกสังเวชอยู่ในใจ ผมรู้ว่าเมื่อเวลาเหมาะสมมาถึง ด้วยเมื่อเธอมีอายุเกินกว่า 18 ปีตามกฏหมายกำหนด เธอจะได้รับการพิพากษา

ผมให้กำลังใจแก่เธอ และย้ำเตือนเธอว่าถ้าเธอรับมือไม่ไหว ให้เธอกลับมาหาผมที่โรงพยาบาล สิ่งที่ผมคาดไว้ไม่ผิด หนึ่งวันต่อมา ภรรยาของเพื่อนสามีนำตัวเธอมาส่งที่โรงพยาบาล เธอถูกนำส่งมาหาผมที่ โอ.พี.ดี.จิตเวชทันที เธอพูดจาไม่รู้เรื่อง บางครั้งนึกอยากร้องรำทำเพลงก็แสดงออกมา เธอพร่ำพูดถึงแต่คำว่า “พี่ต้น” ซึ่งเป็นชื่อเล่นสามีของเธอ บางครั้งเธอก็หัวเราะสลับร้องไห้ เธอจำผมไม่ได้ เธอทำให้ต่อมอารมณ์ความโกรธของผมเริ่มต้นหลั่งสารบางอย่างออกมาเสียแล้ว

ผมรู้สึกโกรธเคืองต่อสามีของเธอเสียจริง แต่ผมเป็นจิตแพทย์ ผมต้องเก็บอาการไม่ดีนั้นเอาไว้ ผู้นำส่งพยายามจะเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ผมฟัง แต่ผมรู้เรื่องต่างๆ ดีพอ ผมขอร้องให้ผู้นำส่งช่วยติดตามตัวสามีมา ร.พ.ในทันที หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สามีของผู้ป่วยจึงเยื้องกรายเข้ามา เขายกมือไหว้ผม ส่วนเธอแม้จะออกอาการเสียสติไปแล้ว แต่เธอก็ยังจดจำพี่ต้นได้เป็นอย่างดี เธอจับแขนสามีของเธออยู่ตลอดเวลาพร้อมๆ กับเรียกชื่อพี่ต้นพี่ต้นๆ ๆ ผมจึงให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันเธอออกไปก่อน เพื่อผมจะได้สนทนากับสามีของเธอโดยสะดวก

ผมเริ่มต้นด้วยการแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าผมเข้าใจได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเข้าใจได้ถึงความต้องการของเขา เขายิ้มแหยๆ เหมือนรู้ตัวเองว่ากำลังทำผิด ผมบอกเขาว่าเขาควรสนับสนุนให้เธอเรียนหนังสือให้จบเสียก่อน และมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ ก่อนที่จะผลักไสเธอ เขาไม่พูดอะไรนอกจากรับฟัง เขาผงกศีรษะแสดงการยอมรับเป็นทีทีไป ผมยังเน้นให้เขาสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษด้วยศิลปะการพูดคุยที่ไม่ทำให้เขาต่อต้าน เขาเต็มใจรับตัวภรรยากลับ

ผมได้ให้ยาต้านโรคจิตแก่เธอ ผมหวังว่าโรคที่เธอเป็นคงจะหายได้ในเร็ววัน ผมไม่อาจตามไปดูชีวิตความเป็นอยู่ถึงที่บ้านได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเธอ และให้ครอบครัวฝ่ายชายได้เห็นแสงแห่งพระธรรมบ้างเถิด สาธุ

 
Copy All Right Reserved 2013 www.หมอดูสุขภาพจิต.com
เลขที่ 1/26 ถ.สุดบรรทัด13 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18120