คลีนิคหมอดูสุขภาพจิต คลีนิคสุขภาพจิต
จิตเวช สระบุรี
สมชาย สำราญเวชพร จิตเวช สระบุรี
หมอดูสุขภาพจิต หนังสือสุขภาพจิต สมชาย สุขภาพจิต หมอดู สระบุรี ถามตอบสุขภาพจิต หมอสมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร
ปัญหาสุขภาพจิต
สาระน่ารู สุขภาพจิต
โรคสมองเสื่อม (Dementia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การฆ่าตัวตาย (Suicide)
สุขภาพจิตน่ารู้
 
สั่งซื้อหนังสือ
หนังสือสุขภาพจิต
Head_10.jpg
รักให้เป็น

สิ่งที่ทำได้ยากคือการเอาชนะธรรมชาติ อย่างไรก็ตามหากตัดประเด็นนี้ทิ้งไป ย่อมกล่าวได้ว่าสิ่งที่ทำยากที่สุดของมนุษย์ก็คือการเอาชนะใจตนเองให้ได้ ธิดา เป็นหญิงสาวที่มีอนาคตไกล เธอทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกพัสดุของโรงงานที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง หากจะเอ่ยชื่อโรงงานนี้ออกไป เชื่อว่าทุกคนคงต้องร้องอ๋อกันทั้งนั้น ปัจจุบันนี้เธอมีอายุเพียง 20 ปลายๆ เท่านั้นเอง แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างเล็กแต่ก็ดูน่ารักดี

ย้อนหลังไป 4 ปีที่แล้ว เมื่อเธอเข้าทำงานที่โรงงานแห่งนี้ได้ไม่นาน เธอก็พบกับชายหนุ่มที่ถูกใจภายในโรงงานเดียวกัน อายุก็ไล่เรี่ยกัน แฟนของเธอเป็นคนรูปหล่อ รูปร่างสูงใหญ่ ทำงานดีและรักรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจ เธอตัดสินใจเช่าหอพักและอาศัยอยู่กินกับแฟนหนุ่มคนแรกของเธอ คนที่เธอยอมให้เขาหมดทุกอย่าง เธอไม่เคยแพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนทางบ้านรับรู้เพราะเกรงว่าพวกเขาจะรับกันไม่ได้ เธอขอย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่กับแฟนหนุ่มตามลำพังสองคนโดยอ้างกับทางบ้านว่า เธอต้องทำงานหนักและบางวันเลิกงานดึก ไม่เป็นเวลา จึงกลับบ้านไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย ที่จริงบ้านของเธอก็อยู่ไม่ห่างไกลจากโรงงานมากเท่าใด

ครอบครัวของเธอมีกัน 3 คน มีแม่กับน้องสาวที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ แม่มีอาชีพค้าขาย จึงง่วนอยู่กับการค้าขายแทบทั้งวัน และการค้าขายก็จัดว่าดีทีเดียว เธอจึงไม่เคยต้องควักเงินให้ทางบ้านไว้ใช้จ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่เธอก็ไม่เคยทำเรื่องเดือดร้อนหรือต้องรบกวนเงินทองของแม่ แม่เป็นคนหัวเก่า คงไม่ยอมแน่ถ้าเธอบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่ม และถึงวันนี้ วันที่ผมได้ไปพบเธอที่หอผู้ป่วยพักนอนในโรงพยาบาลจากปัญหาที่เธอพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาดนั้น

แม่ของเธอได้มาเฝ้าดูแลเธอ และรับรู้แต่เพียงว่าปัญหาของเธอก็คืออาการเครียดงานเท่านั้นเอง หากแต่ความเป็นจริงเป็นอย่างไร แม่ของเธอไม่เคยได้รับรู้ เธอเครียดเพราะเรื่องแฟนของเธอนั้นเอง เธอร้องขอพบกับจิตแพทย์ และผมก็เต็มใจที่จะไปพบกับเธอ อย่างไรก็ตามยาที่เธอกินเกินขนาดเข้าไปนั้น ไม่ค่อยมีผลร้ายต่อเธอมากนัก เธอยังคงร้องไห้ตลอดทั้งวันทั้งคืน กระทั่งผ้าห่มและหมอนเปียกชุ่มไปหมด เห็นแล้วน่าสะเทือนใจยิ่ง เธอพร้อมที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเธอให้ผมฟังแล้ว

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าเธออยู่กินกับแฟนหนุ่มมานานถึง 3 ปี และเธอก็ไม่ได้เร่งรัดว่าเขาจะต้องแต่งงานกับเธอในเร็ววัน เพราะเธอไม่ได้คิดว่านี่คือการทดลองใช้ชีวิตร่วมกันซึ่งก็ดูจะเนิ่นนานเกินไปเสียแล้ว หากแต่เธอบอกว่านี่คือการอยู่ร่วมกันแบบสามีภรรยาต่างหากที่ทุกคนในโรงงานต่างรู้เรื่องของเธอดี เธอไม่ปิดบังใครๆ เว้นเสียแต่ครอบครัวของเธอเองเท่านั้น และในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ เธอจึงจะกลับบ้านไปเยี่ยมแม่และน้องสาว ก็เพียงเดือนละ 1 ครั้ง เธอทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งคนในบ้านเคยชินและเข้าใจว่าเธอทำงานหนัก

เธอบรรยายว่า ตลอดระยะเวลาที่เธออยู่กินกับเขา เขาไม่ได้ทำให้อะไรๆ ให้ดีขึ้น เธอต้องคอยให้ความช่วยเหลือจุนเจือด้านการเงินแก่เขาตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมา ยิ่งมาระยะหลังความต้องการเงินยิ่งมีมากขึ้น เมื่อเขาได้เงินจากเธอง่ายเกินไป จึงทำให้เขาเคยตัว ถ้าเธอไม่ให้ เขาจะไม่พอใจ ถ้าถามว่าเขาจะนำเงินไปใช้จ่ายอะไร เขาก็จะหงุดหงิดและอารมณ์เสีย สุดท้ายก็เอาเงินไปแต่งรถยนต์ เธอมักบ่นเสมอๆ ว่า ของราคาเป็นหมื่นแต่ชิ้นเล็กนิดเดียว ไม่มีอะไรเพิ่มพูนขึ้นมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ของใช้ในห้องพักมีอยู่แค่ไหนก็มีอยู่แค่นั้นเหมือนเดิม ท้ายที่สุดแฟนของเธอก็เป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ใช้จ่ายเงินเกินตัว เธอไม่รู้ว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรกันแน่?

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ 3 เดือน เขาไม่ค่อยกลับห้องพัก บางครั้งกลับมาแล้ว พอเพื่อนโทรเข้ามาที่มือถือของเขา เขาจะเดินหลบเลี่ยงออกไปพูดคุยตามลำพัง ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไร เพราะไม่อยากไปก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของเขา แล้วเขาก็บอกว่าเพื่อนโทรมาชวนให้ออกไป เธอสงสัย จึงถามเขาว่าทำไมต้องออกไปในยามดึกดื่นด้วย ก็กลับได้รับคำตอบว่าจะให้นั่งงอมืองอเท้าขอเงินเธอหรือไง? เขาไปทำหวยใต้ดินกับเพื่อนๆ รับมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง ดังนั้นช่วงหลังๆ เสาร์หรืออาทิตย์ เขาจึงไม่ค่อยจะอยู่ห้องพัก ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง เธอเริ่มเหงา ว้าเหว่ และรอคอยแต่โทรศัพท์ ครั้นถ้าโทรไปหา เขาก็ไม่เปิดเครื่อง บางครั้งที่เครื่องเปิดอยู่ เขาจะปิดเครื่องโทรศัพท์ทันทีที่เธอโทรเข้าไป ครั้นพอกลับมาถึงห้อง เธอไปถามเขาว่าทำไมไม่รับสายและเธอเป็นห่วง แต่กลับได้รับคำตอบว่าโตแล้ว ไม่ต้องมาห่วงหรอก และถ้าขืนเธอเซ้าซี้เขามาก ถามว่าไปกับใคร? เขาก็จะโกรธเคืองและจะอารมณ์เสียขึ้นมาทันที

เธอค่อนข้างคิดมาก ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เขามีผู้หญิงคนใหม่ใช่ไหม? เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี แต่งรถซิ่งและแต่งตัวเนียบนี่เอง ที่สาวๆ มักชอบเขา แต่เธอก็ไม่เคยเห็นว่าเขาไปควงใครๆ แต่อย่างว่านั่นแหละ เธเองก็อยู่แต่ที่ห้องพักกับโรงงานเท่านั้น ส่วนเขาเมื่อออกจากโรงงาน ก็มักบอกว่าไปหาเพื่อนที่ทำหวยด้วยกันทุกที

เธอถามผม “คุณหมอคิดอย่างไร? คืนนั้นหนูเป็นห่วงเขาว่าทำไมเขายังไม่กลับห้อง เลยโทรเข้ามือถือเขา เขาบอกว่ากำลังจะไปส่งเพื่อนกับแฟนเพื่อน หนูก็ถามว่าไม่เห็นได้ยินเสียงเพื่อนเลย ได้ยินแต่เสียงผู้หญิงหัวเราะ เขาก็บอกว่าแฟนเพื่อนนั่งข้างหน้า ส่วนเพื่อนเมานอนหลับอยู่ที่เบาะหลัง” เธอส่ายหน้าและทำท่าจะร้องไห้อีก “คุณหมอค่ะ เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยกลับมานอนที่ห้องพัก พอมาก็หลับ ไม่ค่อยพูดจา ไม่มานอนใกล้ๆ พอถามเขา เขาก็บอกว่าเบื่อๆ เขาอยากเป็นอิสระ”

น้ำตาของเธอไหลพร่าออกมาอีก พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น ทำเอาผมแย่ลงเหมือนกัน เมื่อได้จังหวะ ผมจึงถามเธอ “คุณคิดว่าเขามีคนอื่นใช่ไหม?” เธอผงกศีรษะ เป็นอันว่าเธอตอบรับ เธอแข็งใจขึ้น คงเป็นเพราะเธออยากได้คำแนะนำจากปากผม “หนูตัดสินใจไม่ได้ว่าหนูควรเดินหน้าหรือถอยหลังดี” เธอหยุดพูด ได้ยินชัดว่าน้ำเสียงของเธอสั่นเครือมาก อย่างไรก็ตามผมไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้ ผมแสดงอาการรับรู้ด้วยการทำเสียงในลำคอ “ฮือ” เธอจึงพูดต่อ “คุณหมอไม่ต้องตอบก็ได้ แต่คุณหมอคิดว่าหนูทำได้ดีไหม? หนูทุ่มเทเพื่อความรัก หนูรักเขา หนูจะพยายามทำให้เขากลับมารักหนูเหมือนเมื่อครั้งที่เรารักกัน” ผมยิ้มให้กำลังใจเธอ “คุณรักใครรักจริง ซื่อสัตย์และทุ่มเท คุณทำดีที่สุด”

เธอหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดหน้า เธอขยับตัว “หนูขอเอนตัวพิงพนักนะคะ” เธอพิงที่พนักเตียง แต่ไม่ถึงกับนอน เธอยังพร้อมที่จะพูดคุยกับผม ผมถาม “คุณอยากรู้ว่าคุณควรอดทนต่อไปอีก ใช่ไหม?” เธอพยักหน้า ผมพูดต่อ “ถ้ารักคนที่เขาไม่รักเรา มันเจ็บปวดใช่ไหม? ทำไมคุณไม่รักตัวเองเสียบ้าง ทำอะไรอะไรเพื่อตัวเองบ้างล่ะ เสียสละทุกอย่างเพื่อคนอื่นมามาก เห็นคุณบอกว่าคุณอยากเรียนต่อปริญญาโทฯ ไม่ใช่หรือ?” ผมมองหน้าเธอ อยากให้เธอพูดบ้าง เธอกลับโยนลูกมาให้ผม “คุณหมอพูดต่อไปซิคะ” ผมเลยถูกบังคับให้พูดต่อ “คุณลองสำรวจดูตัวเองบ้างไหมว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า? ชีวิตได้สูญเสียอะไรไปบ้าง? คุณควรมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม? ยังมีคนที่เขารักคุณอีกมากนะ” ผมหยุดพูดและให้กำลังใจเธอด้วยการยิ้มให้เธอ เธอรับรู้ได้ ผมพูดต่อ “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่ารักได้ก็เบื่อได้ ความรักแบบคู่รักไม่จิรังยั่งยืน ต่างจากความรักของสายเลือด”น้ำตาของเธอรินไหลออกมาอีกในขณะที่เธอกล่าวเสริมความคิดเห็นของผม “หนูว่าเขาไม่ได้รักหนูแล้ว กระทั่งมาเยี่ยมหนู เขาก็ไม่มา หนูโทรไป เขาก็ไม่รับสาย”

ผมเสนอแนวความคิดเห็นแก่เธอ “คุณว่าถ้าลูกคนหนึ่งเขาบอกว่าเขารักแม่ใจจะขาด แต่ก็ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลแม่ นานๆ ครั้งจึงจะไปสักที อ้างว่าติดขัด งานยุ่งมาก คุณว่าเขารักแม่ของเขาไหมล่ะ?” เธอสั่นศีรษะ ผมจึงพูดต่อ “ความรักแสดงออกที่การกระทำใช่ไหม?” เธอพูดสวนออกมา “คงเหมือนหนู หนูอยู่กับเขามากกว่าไปหาแม่และน้อง หนูรักเขามากกว่าใครๆ หรือแม้แต่ตัวเอง ต่อไปนี้หนูควรจะต้องรักตัวเองและรักครอบครัวให้มากๆ” เธอพูดต่อ “ที่จริงเรื่องที่หมอพูด หนูรู้ทั้งหมด อ่านหนังสือธรรมะและปฏิบัติธรรมด้วย แต่ก็ไปไม่ถึงไหน ทิ้งเขาออกจากสมองไม่ได้เสียที หนูรู้ว่าเราต้องควบคุมตนเอง ไม่มีใครช่วยใครได้ เจ็บปวดทดแทนกันไม่ได้ เหมือนกับการฝึกหัดว่ายน้ำ คุณหมอก็เป็นได้แค่โค้ชเท่านั้น ส่วนหนูต้องว่ายน้ำเอง” ผมบอกเธอ “ที่จริงมันก็ไม่ยากนะ ใครๆ เขาก็ผ่านกันมาได้ อยู่ที่ว่าคุณคิดอย่างไร? แล้วผมจะจ่ายยาต้านเศร้าช่วยคุณ” เธอขอตัวลงนอน เธอกล่าวกับผมก่อนที่การสนทนาจะสิ้นสุดลง “หนูคิดว่าหนูทำได้”

วันรุ่งขึ้นผมไปเยี่ยมเธอแต่เช้า ดูเธอแจ่มใสขึ้น เธอขอออกจาก ร.พ. เธอบอกว่าเธอไม่คิดฆ่าตัวตายแล้ว แต่เธอขอกลับไปจัดการเรื่องบางเรื่อง ผมตกใจมาก เพราะเธอพูดจาแบบขึงขังมากทีเดียว ผมสำทับเธอ “ถ้าจะทำอะไร ต้องคิดให้ดีๆ นะครับ” เธอคงรู้ว่าผมกำลังหมายถึงอะไร เธอยิ้มและอธิบาย “หนูไม่ได้จะไปฆ่าเขาสักหน่อย หนูจะขนของกลับไปอยู่กับแม่ หรือบางทีอาจเรียนต่อก็ได้” ผมหัวเราะร่วนร่วมกับเธอ ผมคิดในใจ นี่รักจะเป็นจะตาย พอเลิก แป๊บเดียว ผมพูดกับเธอ “คุณเก่งจริงๆ”

 
Copy All Right Reserved 2013 www.หมอดูสุขภาพจิต.com
เลขที่ 1/26 ถ.สุดบรรทัด13 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18120